top of page

หนุ่มแจ้งความเท็จหลอกพ่อ ถูกดักตีชิงสร้อยทองคำและเงินสด

  • รูปภาพนักเขียน: Ratchaburi Thailand
    Ratchaburi Thailand
  • 21 ต.ค. 2562
  • ยาว 1 นาที


เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 20 ต.ค.62 ที่ห้องรับแจ้งความ สภ.เมืองราชบุรี นายทิวา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.จบ แก้วศรีจันทร์ สว.(สอบสวน)สภ.เมืองราชบุรี ว่าเมื่อเวลา 17.30 น. ตนเองได้ขับขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้าดรีมซุปเปอร์คัพ สีน้ำตาล เลขทะเบียน 1 กฐ 5316 ราชบุรี มาจาก จ.เพชรบุรี โดยใช้เส้นทางตามคลองชลประทานเพื่อกลับบ้านที่ อ.ดำเนินสะดวก โดยเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุใน ม.3 ต.ดอนแร่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ถูกคนร้ายขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และซ้อน 3 ตามประกอบ ซึ่งหนึ่งในสามคนร้ายได้ใช้ไม้กระบองฟาดเข้ามาที่หลังของตนจนรถล้ม และคนร้ายยังได้ลงจากรถมากระชากเป๋าสะพายของตนไป ตนตกใจจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าข้างทาง ส่วนคนร้ายหลังก่อนเหตุได้ขับรถจยย.หลบหนีมุ่งหน้ากลับเข้า ต.ดอนแร่ หลังจากคนร้ายได้หลบหนีไปแล้วตนเองจึงรีบกลับมาที่รถแล้วขี่รถเพื่อมาแจ้งความ โดยคนร้านได้ทรัพย์สินที่อยู่ภายในกระเป๋าสะพายไป เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระหลวงพ่ออุทัย 1 องค์ และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ และเงินสดจำนวน 78,000 บาท ที่ได้จากเพื่อนขายวัวลานแล้วแบ่งเงินให้มา



หลังจากได้รับแจ้งความจึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ได้รับทราบ พร้อมประสานไปยังชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี และจนท.สายตรวจ สภ.เมืองราชบุรี ติดตามสกัดจับกุมคนร้าย โดยทาง พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบวัตถุพยาน และวัตถุแวดล้อมในที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติดังที่แจ้งไว้ จึงสั่งการให้ทาง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองราชบุรี สอบสวน นายทิวา โดยละเอียดใหม่นาน 5 ชั่งโมง พบมีข้อพิรุธอยู่หลายอย่างจนเรื่องแดงที่แท้กุเรื่องขึ้นมา เพราะกลัวพ่อแม่ดุด่าว่ากล่าว เรื่องเพื่อนรักยืมสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระหลวงพ่ออุทัย 1 องค์ และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ ไปแล้วไม่ยอมคืนแต่กับเอาไปจำนำ



โดย นายทิวา ได้รับสารภาพว่า เรื่องทั้งหมดที่ได้มาแจ้งความนั้นเป็นเรื่องกุขึ้น เพราะกลังพ่อกับแม่ดุด่าว่ากล่าว เนื่องจากวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ยืมสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระหลวงพ่ออุทัย 1 องค์ และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ จากพ่อไปเพื่อใส่ไปงานแต่งเพื่อนที่ ต.โพหัก อ.บางแพ หลังจากงานแต่งเพื่อนที่อยู่ จ.เพชรบุรี ก็ขอยืมสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยนทองไปบอกว่าเดือดร้อนมาก แล้วบอกว่าจะมาคืนให้วันเสาร์ที่ 19 ต.ค. ตนก็เชื่อใจและให้เพื่อนยืมไปเพราะตนกับเพื่อนก็เป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่ จ.เพชรบุรี ในเขต อ.เมือง เหมือนกัน แต่คนละโรงงาน จนวันอาทิตย์ 20 ต.ค.ตนเองก็ต้องกลับบ้านที่ จ.ราชบุรี แต่เพื่อนกับไม่เอาสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยนทองมาคืนตามสัญญาแต่กับเอาไปจำนำแทน จนตนโทรหาก็บอกว่าจะเอามาคืนให้วันอาทิตย์หน้า ตนก็ไม่รู้จะตอบพ่อกับแม่ว่าอย่างไรเกี่ยวกับสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยนทอง อีกทั้งกลัวว่าพ่อกับแม่จะดุด่าว่ากล่าวเอา จึงคิดกุเรื่องว่าถูกคนร้ายชิงทรัพย์ระหว่างขับขี่รถจยย.กลับบ้าน ซึ่งเงินจำนวน 78,000 บาท ก็ไม่มีจริงตนเองได้กุเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเอง



ด้าน พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด โดยพบว่ามีข้อพิรุธหลายประเด็นโดยเฉพาะที่นายทิวา บอกว่าถูกคนร้ายฟาดเข้าที่หลัง แต่กับไม่มีร่องรอยทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อคำให้การของผู้เสียหาย อีกทั้งเรื่องที่นายทิวา อ้างว่าเงินจำนวน 78,000 บาท ที่ถูกคนร้ายชิงเอาไปนั้น เป็นเงินที่ได้มาจากเพื่อนขายวัวลานแบ่งให้มา ซึ่งวัวลานตัวดังกล่าวก็ไม่ใช่ของนายทิวา แต่ทำไมเพื่อนต้องแบ่งเงินให้ โดยหลังจากมีการสวบสวนนายทิวา นานกว่า 5 ชั่วโมง ประกอบกับให้พ่อแม่ของนายทิวา พูดเกลี้ยกล่อมให้นายทิวา พูดความจริงออกมา จนนายทิวา รับสารภาพว่าเรื่องทั้งหมดได้กุเรื่องขึ้นมา ซึ่งเบื้องต้นก็จะให้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายทิวา ตามมาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



 
 
 

Comments


bottom of page